วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แปลแถลงการณ์ตอบโต้ โดยจักรภพ เพ็ญแข


เสาร์ 28 มิถุนายน, 2014(แปลไทยแล้ว)

คำแถลงการณ์ของนายจักรภพกรณีข้อกล่าวหาของคณะเผด็จการทหาร 

“ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แบบติด “อาวุธ” ใดๆทั้งสิ้น”

ผมเพิ่งได้รับคำแถลงการณ์จากนายจักรภพ เพ็ญแข เลขานุการบริหารขององค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุ ษยชนและประชาธิปไตยกรณีที่เขาถูกคณะเผด็จการทหารตั้งข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยว ข้องกับการครองครอง “อาวุธสงคราม” และได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของเขาและแกนนำต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยคน อื่นๆ


►ข้อกล่าวหาที่คณะรัฐประหารเถื่อนไทยใช้กดดันผมในวันนี้ เผยให้เห็นความจนตรอกของเหล่านายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่พวกเขาทำงานรับใช้ อีกครั้ง การกล่าวอ้างอันเป็นเท็จประเภทที่ว่าผมอยู่เบื้องหลัง “กลุ่มติดอาวุธ” ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นิยายเท่านั้น แต่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความโข่เขลาของคณะเผด็จการทหารลวงโลก
ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า ไม่มีหลักฐานใดที่สามารถเชื่อมโยงผมกับอาวุธที่คณะเผด็จการทหารยึดมาได้ และผมขอท้าทายให้พวกเขาแสดงหลักฐานเหล่านั้น แน่นอนว่า แม้แต่การยึดอาวุธเหล่านั้นก็มีกลิ่นของความน่าสงสัยโชยออกมา เพราะไม่มีการสอบสวนที่เป็นอิสระเรื่องการยึดอาวุธ ไม่มีการเก็บลำดับขั้นตอนหลักฐาน และข้อกล่าวหาที่คณะเผด็จการทหารหยิบยกขึ้นมานั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ และสามารถถูกหลักล้างได้อย่างง่ายดายหากถูกตรวจสอบอย่างละเอียด

►กรณีที่คณะเผด็จการทหารพยายามจะ “ทำเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน” ผมในข้อหาดังกล่าว พวกเขาเองควรจะต้องรับรู้ว่าไม่มีรัฐบาลไหนในโลกใบนี้ที่จะเชื่อฟังยอมจำนน ต่อคำข่มขู่ของพวกเขา เพราะผมจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงหลักฐานทั้งหมดที่พวกเขาสร้างขึ้นมา รวมถึงพื้นที่ในการท้าทายหลักฐานเหล่านั้น
และนี้คือเหตุผลที่กลไกล “ตุลาการ” เดียวที่พวกเขานำมาใช้คือการเร่งรัดดำเนินคดีด้วยข้อหาเท็จโดยการใช้ “ศาล” ทหารของพวกเขา ที่ซึ่งกระบวนการอันควรแห่งกฎหมายและหลักนิติธรรมได้ถูกทำลายลงไปนานแล้ว เพื่อรองรับระบอบการปกครองเผด็จการ ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าคดีความทั้งหมดที่นำขึ้นสู่ “ศาล” ทหารเกิดขึ้นในบริบทของรูปแบบระบบกฎหมายที่ไม่ต่างไปจากละครเวทีอันน่าขัน โดยปราศจากสิทธิทางกฎหมาย

►และเพื่อเป็นหลักฐาน ผมขอแถลงว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นในการต่อสู้แบบ “ติดอาวุธ” ผมเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ทางการเมือง สังคมและวัฒนธรรมโดยมีฐานมั่นที่เป็นจริงผ่านทางเจตนารมณ์ทางประชาธิปไตยของ ประชาชนไทย กลุ่มนายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่พวกเขาทำงานรับใช้ทราบอย่างดีว่าหากปล่อยให้ ประชาชนไทยแสดงออกซึ่งเจตจำนงค์ประชาธิปไตยแล้ว อำนาจของพวกเขาจะสิ้นสุดลง และนำไปสู่การฟื้นฟูระบอบที่ชอบด้วยกฎหมายและหลักการรับผิดของเจ้าหน้าที่ รัฐ ในเวลานี้ กองทัพและกลุ่มอำมาตย์ที่พวกเขาทำงานรับใช้คือคนกลุ่มเดียวที่มีส่วนเกี่ยว ข้องกับการต่อต้านเจตจำนงค์ของประชาชนไทยด้วยการใช้ “อาวุธ” โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้ที่เชื่อมั่นในประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ เพราะเรามั่นใจอย่างแท้จริงว่า เมื่อประชาชนไทยได้รับสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกลับคืนมา คณะเผด็จการทหารจะกลายเป็นเพียงแค่ความผิดเพี้ยนทางประวัติศาสตร์เท่านั้น

►ผมขอกล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องที่คณะเผด็จการทหารเพิกถอนหนังสือเดินทางของผม ว่า นี่มิใช่เป็นเพียงการกระทำกดขี่อันวิตถารเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชนคนไทยที่ต่อต้านการปกครองระบอบทหารกลายเป็นผู้ลี้ภัยทาง การเมือง การเพิกถอนดังกล่าวจะประจานให้ประชาคมโลกเห็นว่า คณะเผด็จการทหารไทยไม่ต่างไปจากกลุ่มทรราชผู้เกรี้ยวกราดที่ทำประพฤติตนนอก มาตรฐานกฎหมายระหว่างประเทศ

►เพียงแค่สองวันที่แล้ว คณะเผด็จการทหารบอกว่าไม่สนใจองค์กรเราโดยบอกว่า “ไม่มีความสำคัญ” แต่ในตอนนี้ เรากลับถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังกลุ่มกองกำลังติดอาวุธซึ่งไม่มีอยู่จริง ซ้ำยังพยายามลิดรอนสิทธิในการเดินทางของเราโดยเพิกถอนหนังสือเดินทาง การกระทำของคณะเผด็จการทหารเหล่านี้เผยให้เห็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น - ความรู้สึกไม่มั่นใจของพวกเขาที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน
เราขอให้ผู้สนับสนุนองค์กรเรายืนยัดยึดมั่นและไม่ต้องรู้สึกกังวลหรือถอดใจ กับกลเกมและคำข่มขู่ของคณะเผด็จการทหาร การกระทำเดียวที่คณะเผด็จการมีคือ พยายามจะบดขยี้ความหวังและความปรารถนาของประชาชนไทยทั่วไป แต่กระนั้น การกดขี่ครั้งแล้วครั้งเล่าของคณะเผด็จการทหาร คือการตอกตะปูปิดฝาโลงของพวกเขาไปเรื่อยๆ และได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความแน่วแน่ของท่านในความพยายามทวงคืนอำนาจ อธิปไตยให้แก่ปวงชนไทย


http://asiaprovocateur.blogspot.com/2014/06/blog-post_28.html?m=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น